2 มี.ค. 2560

รู้ทัน UV


ทำความรู้จักรังสี UV

รังสีอัลตร้าไวโอเลต หรือรังสียูวี เป็นรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการแผ่ของดวงอาทิตย์ มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งรังสียูวีนิ้เป็นตัวการทำร้ายผิวทำให้เกิดผิวไหม้ และมะเร็งผิวหนัง สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามช่วงรังสีที่อยู่ระหว่างชนิดรังสีที่แตกตัวได้ และแตกตัวไม่ได้ ประกอบด้วย 3 ชนิดความยาวคลื่น ได้แก่ ยูวีเอ (UVA), ยูวีบี (UVB), และยูวีซี (UVC)

UVA Rays  มาจากอัลตร้าไวโอเล็ตเอ ในแสงแดดจะมีรังสี UVA มากถึง 90 % สามารถผ่านเข้าสู่ผิวได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ ( Dermis )เนื่องจากเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่น 320-400 mm โดยสามารถเข้าไปทำลายเซลล์ผิวได้แม้อยู่ในที่ร่ม เป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อผิวระยะยาวและปัญหาเอจจิ้ง หรือผิวแก่ก่อนวัย รอยเหี่ยวย่อน ตีนกา และไฝแดด

UVB Rays  มาจากอัลตร้าไวโอเล็ตบี ในแสงแดดจะมีรังสี UVB  10 % รังสีนี้จะทำลายผิวได้ก็ต่อเมื่อถูกแสงแดดโดยตรงเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 290-320 mm เมื่อถูกแดดจะทำให้ผิวไหม้แดดได้และมีอาการแสบร้อนซึ่งมะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่เกิดจากแสงยูวีบี

UVC Rays มาจากอัลตร้าไวโอเล็ตซี ซึ่งเป็นรังสีที่รุนแรงที่สุด และสามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามโลกจะมีชั้นโอโซนที่ช่วยปกป้องรังสีชนิดนี้ไม่ให้ผ่านเข้ามาสู่ผิวโลกได้ 


แหล่งกำเนิดของรังสียูวี

เกิดจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ (solar radiation) ถือเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของการแผ่รังสีที่ส่องมาถึงโลก โดยประกอบด้วยรังสียูวีซี ยูวีบี และยูวีเอ รวมถึงช่วงคลื่นที่มนุษย์มองเห็น และรังสีอินฟาเรด แต่รังสีบางส่วนจะถูกดูดซับไว้ในชั้นบรรยากาศ ที่เหลือสามารถส่องมาถึงผิวโลกในระดับไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
แหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น (artificial sources) อันได้แก่ วัตถุทุกชนิดที่ถูกทำให้ร้อน จนมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 2500 องศาเคลวิน สามารถปล่อยรังสีอัลตราไวโอเลตได้ ซึ่งเป็นวัตถุ อุปกรณ์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นสำหรับการใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อาทิ ทางการแพทย์ ทางการเกษตร เป็นต้น

รังสียูวี หากได้รับในระดับต่ำจะมีประโยชน์ต่อการสร้างวิตามินดี และช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกาย แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินความเป็นประโยชน์จะมีผลต่อการทำลายระบบภูมิคุ้ม กัน การทำลายเนื้อเยื่อเซลล์ ทำให้ผิวหนังแลดูเหี่ยวหยุ่นจนถึงระดับรุนแรงกลายเป็นเซลล์มะเร็ง