ทำความรู้จักรังสี UV
รังสีอัลตร้าไวโอเลต หรือรังสียูวี เป็นรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการแผ่ของดวงอาทิตย์
มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งรังสียูวีนิ้เป็นตัวการทำร้ายผิวทำให้เกิดผิวไหม้
และมะเร็งผิวหนัง สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทตามช่วงรังสีที่อยู่ระหว่างชนิดรังสีที่แตกตัวได้
และแตกตัวไม่ได้ ประกอบด้วย 3 ชนิดความยาวคลื่น ได้แก่ ยูวีเอ (UVA), ยูวีบี (UVB), และยูวีซี (UVC)
UVA
Rays มาจากอัลตร้าไวโอเล็ตเอ
ในแสงแดดจะมีรังสี UVA มากถึง 90 % สามารถผ่านเข้าสู่ผิวได้ลึกถึงชั้นหนังแท้
( Dermis )เนื่องจากเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่น 320-400
mm โดยสามารถเข้าไปทำลายเซลล์ผิวได้แม้อยู่ในที่ร่ม
เป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อผิวระยะยาวและปัญหาเอจจิ้ง หรือผิวแก่ก่อนวัย
รอยเหี่ยวย่อน ตีนกา และไฝแดด
UVB
Rays มาจากอัลตร้าไวโอเล็ตบี
ในแสงแดดจะมีรังสี UVB 10 % รังสีนี้จะทำลายผิวได้ก็ต่อเมื่อถูกแสงแดดโดยตรงเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นอยู่ที่
290-320 mm เมื่อถูกแดดจะทำให้ผิวไหม้แดดได้และมีอาการแสบร้อนซึ่งมะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่เกิดจากแสงยูวีบี
UVC
Rays มาจากอัลตร้าไวโอเล็ตซี ซึ่งเป็นรังสีที่รุนแรงที่สุด
และสามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามโลกจะมีชั้นโอโซนที่ช่วยปกป้องรังสีชนิดนี้ไม่ให้ผ่านเข้ามาสู่ผิวโลกได้
แหล่งกำเนิดของรังสียูวี
เกิดจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์ (solar radiation) ถือเป็นแหล่งกำเนิดสำคัญของการแผ่รังสีที่ส่องมาถึงโลก
โดยประกอบด้วยรังสียูวีซี ยูวีบี และยูวีเอ รวมถึงช่วงคลื่นที่มนุษย์มองเห็น
และรังสีอินฟาเรด แต่รังสีบางส่วนจะถูกดูดซับไว้ในชั้นบรรยากาศ
ที่เหลือสามารถส่องมาถึงผิวโลกในระดับไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
แหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น (artificial sources) อันได้แก่ วัตถุทุกชนิดที่ถูกทำให้ร้อน
จนมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 2500 องศาเคลวิน สามารถปล่อยรังสีอัลตราไวโอเลตได้
ซึ่งเป็นวัตถุ อุปกรณ์ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นสำหรับการใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อาทิ
ทางการแพทย์ ทางการเกษตร เป็นต้น
รังสียูวี หากได้รับในระดับต่ำจะมีประโยชน์ต่อการสร้างวิตามินดี
และช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกาย
แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินความเป็นประโยชน์จะมีผลต่อการทำลายระบบภูมิคุ้ม กัน
การทำลายเนื้อเยื่อเซลล์
ทำให้ผิวหนังแลดูเหี่ยวหยุ่นจนถึงระดับรุนแรงกลายเป็นเซลล์มะเร็ง